21 มกราคม 2561

เหรียญหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า รุ่นแรก ๒๔๖๖ "หนึ่งในห้าเหรียญหลักล้าน !!! ระดับประเทศ" ปรมาจารย์หนึ่งเดียวในพระทัยของกรมหลวงชุมพรฯ

เหรียญหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า รุ่นแรก ๒๔๖๖
พระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชื่อนี้เชื่อได้ว่าไม่มีนักเล่นพระท่านใดไม่รู้จักเป็นแน่ เพราะท่านได้รับการ ขนานนามว่าเป็นปรมาจารย์ทางพุทธาอาคมอันยิ่งใหญ่แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ด้วยกิตติศัพท์ของหลวงปู่ ในด้านพระเวทย์มนตราอันแกร่งกล้า กล่าวกันว่าท่านสามารถ เสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อ ตัวแตน เสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย เสกก้านกล้วยให้เป็นงูได้ รวมไปถึงอภินิหารด้านต่างที่ร่ำลือกัน อาทิเช่น วิชาคงกระพันชาตรี วิชาเสกคนเป็นจระเข้  และวิชาอื่นๆ อีกมากมาย
(ซ้าย) หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า / (ขวา) พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

เป็นมูลเหตุให้ เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ขอฝากตัวเป็นศิษย์ท่าน เมื่อครั้งเสด็จประพาสไปในภาคเหนือ เพื่อศึกษาวิชาอาคมต่างๆของท่าน  จนพระองค์เป็นศิษย์ที่มีความรู้ความสามารถศึกษาได้อย่างแตกฉาน เป็นที่รักของท่านหลวงปู่ศุขมากที่สุด ส่วนพระองค์ก็ทรงมีความเลื่อมใสศรัทธาในองค์หลวงปู่ศุข เป็นอย่างมาก พระองค์ทรงยกย่องหลวงปู่ศุขมากกว่าปรมาจารย์ท่านอื่นๆ โดยจะเรียกหลวงปู่ศุขว่า “ท่านอาจารย์” เสมอๆ ซึ่งเสด็จในกรมไม่เคยยกย่องท่านอื่นสูงกว่าหลวงปู่ศุข หากจะมีก็แค่อีกสององค์ที่พระองค์นับถือเช่นกันคือ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน และหลวงพ่อพริ้ง วัดบางประกอก แต่ก็ไม่เคยยกย่องมากเท่าหลวงปู่ศุข แสดงให้เห็นถึงความเคารพรักหลวงปู่เป็นอย่างมากและคงได้ประจักษ์ต่ออภินิหารของหลวงปู่ศุข ทำให้พระองค์รักหลวงปู่ศุขอย่างสนิทพระทัยมากกว่าองค์อื่นๆ

นอกจากเสด็จในกรมที่เป็นศิษย์หลวงปู่ศุขแล้ว ยังมีศิษย์เป็นอันมากที่มาเรียนวิชาจากท่าน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ที่เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เช่น หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน หรือแม้กระทั่งฆราวาสขมังเวทย์อย่างเช่น อาจารย์เที่ยง น่วมมานา ปู่กัน สัตหีบ และ เสือไท เป็นต้น
 
เหล่าบรรดาศิษย์ในสายหลวงปู่ศุข ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก

เหรียญหลวงปู่ศุข รุ่นแรก สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ในประวัติวัดกล่าวไว้ว่า เป็นเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก รุ่นเดียว และรุ่นสุดท้ายที่ทันหลวงปู่ศุขปลุกเสกอย่างแน่นอน โดยคณะลูกศิษย์สายเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้สร้างถวายแล้วขออนุญาตให้หลวงปู่ปลุกเสกอย่างเข้มขลัง เหมือนหลวงปู่จะรู้ว่าท่านจะมรณภาพท่านจึงได้เสกบรรจุพลังพุทธาคมอย่างเต็มเหนี่ยวกับเหรียญรุ่นนี้ เพื่อทิ้งเอาไว้เป็นอนุสรณ์ให้กับศิษย์ของท่านทุกคน เหรียญรุ่นนี้สร้างก่อนท่านจะมรณภาพอยู่หลายเดือน เป็นเหรียญชนิดปั้ม ห่วงเชื่อม รูปไข่

การพิจารณาเหรียญหลวงปู่ศุข นอกจากการดูจุดตำหนิของพิมพ์ ต้องดูความแห้งเก่าของเนื้อโลหะ กับการดูลักษณะของเหรียญปั๊มที่ต้องไม่แอ่นหรือบวม ดังนั้นการดูกระแสของเนื้อโลหะเก่า กับการดูคราบสนิมขุมที่ขึ้นจับตามผิวของเหรียญ ตลอดจนคราบผิวไฟ ธรรมชาติเหล่านี้เมื่อนำมาประกอบกัน ก็จะมีส่วนช่วยในการพิจารณามากยิ่งขึ้น
       
        สำหรับพุทธคุณ ของเหรียญหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่านั้น เป็นเหรียญที่ร่ำลือถึงเรื่องคงกระพันชาตรี เป็นอย่างมาก เป็นเหรียญที่มีพุทธคุณสูง แทบจะเรียกได้ว่าครอบจักรวาลก็ว่าได้


 ไชยเดช  ไฝทอง
๒๑ มกราคม ๒๕๖๑



===========================
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
panyayan.tnews.co.th - ภาพหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
newgrowthgallery.com - ภาพหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ
en.wikipedia.org - ภาพกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
snsn5202002.pixnet.net - ภาพหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง
web-pra.com - ภาพหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง
tnews.co.th - ภาพหลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน
Facebook FanPage : ศาสตร์ ดวงตาแห่งท้องทะเล - ภาพปู่กัน สัตหีบ
appgeji.com - ภาพพ่อเที่ยง ท่วมมานา
 

10 มกราคม 2561

กศน.เขตบางกอกน้อย เปิดรับสมัครอบรมหลักสูตร "การศึกษาพระเครื่องฯ" รุ่นที่ 51



...พระเครื่องดูอย่างไร?
องค์ไหนเรียกว่าพระแท้ องค์ไหนคือพระปลอม?
พระเครื่องมีกี่ประเภท กี่เนื้อ ประวัติความเป็นมาอย่างไร?

และอีกหลากหลายคำถามของคนมีพระเครื่องอยู่ในกำมือ...

หากท่านเป็นผู้สนใจ อยากเริ่มต้นศึกษาพระเครื่องอย่างเป็นระบบ 
ถูกต้อง เชื่อถือได้ ที่นี้มีคำตอบให้ครับ...


ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเขตบางกอกน้อย หรือ กศน.เขตบางกอกน้อย จะดำเนินการเปิดหลักสูตรวิชาชีพ “การศึกษาและอนุรักษ์พระเครื่องและวัตถุมงคลไทย” หรือที่ประชาชนทั่วไปรู้จักในชื่อ “หลักสูตรส่องพระ” รุ่นที่ 51 ขึ้น ในปลายเดือนมกราคม 2561 นี้ ซึ่งผลตอบรับที่ผ่านมาได้มีประชาชนเดินทางมาสมัครอบรมเป็นจำนวนมาก การันตีความสำเร็จได้จากจำนวนการเปิดสอนที่มีมากถึง 50 รุ่น มีผู้จบการศึกษาจากหลักสูตรนี้ไปแล้วกว่า 4,000 คน จนทำให้มีการเรียกร้องให้มีการเปิดสอนดูพระเครื่องในลักษณะชั้นเรียนเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง

บรรยากาศการเรียนการสอน หลักสูตรการศึกษาและอนุรักษ์พระเครื่องและวัตถุมงคลไทย


หลักสูตรการศึกษาและอนุรักษ์พระเครื่องและวัตถุมงคลไทย ของ กศน.เขตบางกอกน้อย เป็นหลักสูตรเพื่อการศึกษาประวัติความเป็นมาของพระเครื่อง เนื้อหาพระ พิมพ์ทรง พุทธศิลป์ ค่านิยมและความรู้ในเชิงประวัติศาสตร์ การสร้างพระเครื่อง รวมถึงการสะสมและอนุรักษ์พระเครื่องและวัตถุมงคลไทย 
เป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเริ่มดำเนินการเปิดสอนครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 และเปิดอบรมต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน 

นอกจากนี้ หลักสูตรการศึกษาและอนุรักษ์พระเครื่องและวัตถุมงคลไทย ของ กศน.เขตบางกอกน้อยนั้น ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหลักสูตรวิชาชีพ Best Practice ของสำนักงาน กศน. และได้รับการติดต่อให้ออกรายการทางโทรทัศน์อยู่เสมอ จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่นิยมศึกษาพระเครื่องทั้งมือใหม่และมือเก๋าที่จะมาเก็บเกี่ยวหาประสบการณ์ และเพิ่มพูนองค์ความรู้ที่ถูกต้อง ก่อนลงสนามพระเครื่องจริง

การนำพระเครื่องและวัตถุมงคลของจริงมาให้ผู้เข้าอบรมศึกษา ถือเป็นไฮไลท์ของการอบรมหลักสูตรนี้

วัตถุประสงค์ของหลักสูตร :
1. เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ ที่นิยมได้อย่างถูกต้อง
2.  เพื่อฝึกให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงหลักการพิจารณาพระเครื่องและสามารถแยกแยะพิมพ์ทรงของพระเครื่องยอดนิยมได้

เนื้อหาในการอบรม :
1. ประวัติศาสตร์ความเป็นมาพระเครื่องในประเทศไทย
2. การจำแนกพระเครื่องตามหลักสากลนิยม
3. การพิจารณาเนื้อหาพิมพ์ทรงและความแห้ง-เก่า ของพระเครื่องเนื้อดินยอดนิยม
4. การพิจารณาเนื้อหาพิมพ์ทรงและความแห้ง-เก่า ของพระเครื่องเนื้อชินยอดนิยม
5. การพิจารณาเนื้อหาพิมพ์ทรงและความแห้ง-เก่า ของพระเครื่องเนื้อผงยอดนิยม
6. การพิจารณาเนื้อหาพิมพ์ทรงและความแห้ง-เก่า ของพระเครื่องเนื้อโลหะยอดนิยม
7. การพิจารณาเครื่องรางของขลังยอดนิยม
8. พระเครื่องท้องถิ่นเขตบางกอกน้อย (อาทิ พระวัดระฆัง,พระวัดทอง,พระวัดหลวงพ่อโบสถ์น้อย ฯลฯ)


กลุ่มเป้าหมาย :
          ประชาชนทั่วไปที่สนใจ ไม่จำกัดเพศ อายุ หรือองค์ความรู้ เหมาะสำหรับท่านที่มีความสนใจในการศึกษาพระเครื่องตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นเป็นอย่างยิ่ง

วิทยากรอธิบายประวัติความเป็นมาและวิธีการพิจารณาของพระเครื่องและวัตถุมงคลที่ละชิ้นอย่างละเอียด

วิธีการอบรม
การอบรมในหลักสูตรดังกล่าวจะดำเนินการใน 2 รูปแบบ คือ
1.ภาคทฤษฎี เป็นการบรรยายความรู้โดยวิทยากร ผ่านสื่อการนำเสนอที่ทันสมัย ทำให้ท่านสามารถเข้าใจเนื้อหาและเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
2. ภาคปฏิบัติ ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของการอบรมหลักสูตรนี้ เพราะวิทยากรจะนำพระเครื่องจริงมาจัดแสดงมากกว่า 100 องค์ ตลอดหลักสูตร ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำพระมาส่องเพื่อศึกษาและพิจารณาเนื้อหาของพระได้ โดยมีวิทยากรอธิบายกำกับอย่างละเอียดในแต่ละองค์ นอกจากนี้ยังมีการนำพระเครื่องเลียนแบบมาให้เปรียบเทียบกับพระเครื่องแท้อีกด้วย เพื่อฝึกฝนการพิจารณาพระเครื่องในเชิงประจักษ์
 
บรรยากาศการอบรมภาคทฤษฎี

การประเมินผล :
หลักสูตรการศึกษาและอนุรักษ์พระเครื่องและวัตถุมงคลไทย ของ กศน.เขตบางกอกน้อยนี้ มีการวัดผลและประเมินผลของผู้เข้ารับการอบรมในสัปดาห์สุดท้าย โดยจะมีการทดสอบ 2 รูปแบบ คือ
1.ภาคทฤษฎี จะมีข้อสอบปรนัยเกี่ยวกับความรู้ที่ได้รับจากเนื้อหาในการเข้ารับการอบรมตลอด 10 สัปดาห์ เมื่อผ่านการทดสอบในภาคทฤษฎี วิทยากรจะนำเข้าสู่การทดสอบในภาคปฏิบัติต่อไป
2. ภาคปฏิบัติ เป็นการทดสอบต่อเนื่องจากภาคทฤษฎี จะมีการทดสอบการแยกพระเครื่องแท้และพระเครื่องเลียนแบบออกจากกัน
เมื่อผู้เข้ารับการอบรมผ่านการประเมินผลทั้ง 2 รูปแบบแล้ว สถานศึกษาจะดำเนินการออกวุฒิบัตรให้เป็นเครื่องการันตีการผ่านหลักสูตร
 
การสอบภาคปฏิบัติ ถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของผู้เข้ารับการอบรมก่อนสำเร็จการศึกษา

วิทยากร :
สำหรับการเรียนสอนดำเนินการโดย อาจารย์ไชยเดช ไฝทอง ครูผู้เชี่ยวชาญด้านพระเครื่องและวัตถุมงคลไทยจากกระทรวงศึกษาธิการ ประสบการณ์การสอนหลักสูตรการศึกษาและอนุรักษ์พระเครื่องและวัตถุมงคลไทย กว่า 50 รุ่น อีกทั้งยังเป็นเจ้าของผลงานหนังสือด้านพระเครื่องหลายเล่ม และคอลัมน์นิสต์ของนิตยสารพระเครื่องเจ้าของนามปากกา ครูนอกโรงเรียน อีกด้วย
     
อาจารย์ไชยเดช ไฝทอง วิทยากรประจำหลักสูตร
     
กศน. เขตบางกอกน้อย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ “พระเครื่อง” เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาและจิตใจของคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ คนไทยบางกลุ่มเชื่อว่า การแขวนหรือพกพระเครื่อง ถือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ช่วยให้ปลอดภัยจากอันตราย และมีความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้เรื่องของพระเครื่องยังเป็นเรื่องที่เป็นสากล มีหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปะ ดังนั้นพระเครื่องจึงเป็น มรดกที่ล้ำค่า และเป็นภูมิปัญญาไทยที่เกี่ยวข้องกับการสืบสานประเพณีและศิลปวัฒนธรรมของชาติอีกแขนงหนึ่ง

หลักสูตรการศึกษาและอนุรักษ์พระเครื่องและวัตถุมงคลไทย ออกอากาศโดยสถานีโทรทัศน์ Spring News

“การันตีความสำเร็จได้จากจำนวนการเปิดสอนที่มีมากถึง 50 รุ่น 
มีผู้จบการศึกษาจากหลักสูตรนี้ไปแล้วกว่า 4,000 คน”


หลักสูตรการศึกษาและอนุรักษ์พระเครื่องและวัถตุมงคลไทย นี้จะเริ่มเปิดอบรมหลักสูตรดังกล่าว ใน วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป  ใช้ระยะเวลาการอบรมในทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. - 17.00 น. โดยประมาณ รวมจำนวนชั่วโมงเรียน 40 ชั่วโมง (หรือเฉพาะวันอาทิตย์เป็นจำนวน 10 อาทิตย์) เรียนจบแล้วผู้ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินผล มีวุฒิบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการมอบให้ --- สถานที่อบรมคือ กศน.เขตบางกอกน้อย ซอยอรุณอมรินทร์15 (ซอยวัดพระยาทำ) ตรงข้ามกรมอู่ทหารเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 

นอกจากนี้ กศน.เขตบางกอกน้อย ยังได้เปิดอบรมหลักสูตรวิชาชีพคู่ขนาน “การเลี่ยมกรอบพระเครื่องด้วยพลาสติก” เพื่อเป็นการเสริมรายได้อีกทางหนึ่งอีกด้วย


***สำหรับผู้สนใจหลักสูตรดังกล่าวสามารถสมัครเรียน สอบถามรายละเอียดวิธีการสมัคร ค่าใช้จ่าย หรือสำรองที่นั่งได้ที่  
1. หมายเลขโทรศัพท์ 085-255-6244  
2. Facebook Fanpage : พระเครื่องเปลี่ยนชีวิต

08 มกราคม 2561

เปิดตำนานพระเครื่องเปลี่ยนชีวิต ตอนที่ 1


พระเครื่อง คำนี้ดูจะเป็นคำที่คุ้นหูคุ้นตาของคนไทยไปเสียแล้ว คงไม่อาจปฏิเสธได้นะครับว่า คนไทยส่วนใหญ่ที่นับถือพระพุทธศาสนาจะไม่รู้จักพระเครื่อง อย่าว่าแต่เฉพาะคนไทยเลยครับ แม้แต่ชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง จีน แขก ก็รู้จักพระเครื่องของประเทศไทยกันทั้งนั้น นับว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของไทยอย่างหนึ่งก็ว่าได้ ด้วยรูปแบบที่มีความงดงาม แสดงให้เห็นถึงคุณค่าทางศิลปะ ความเก่าแก่ของพระเครื่องบางชนิด จัดได้ว่าเป็นโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่าทำให้มองภาพเห็นถึงประวัติศาสตร์และคติความเชื่อในการสร้างพระเครื่องของคนโบราณ รวมถึงความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนชาวไทยที่มีความเชื่อว่าพระเครื่องนอกจากจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจแล้ว ยังเป็นวัตถุมงคลที่ทรงพุทธานุภาพ สามารถปกป้องอันตราย แคล้วคลาด เป็นเมตตามหานิยม และโภคทรัพย์ 

จะเห็นว่าละครไทยในปัจจุบันที่เป็นละครอิงประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรืออย่างเรื่อง บางระจัน และอีกหลายๆ เรื่อง ก็มีภาพของพระเครื่องและวัตถุมงคลปรากฏอยู่ในฉากของภาพยนตร์และตัวละครหลายๆ เรื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อในเรื่องพระเครื่องและวัตถุมงคลที่มีคู่มากับคนไทยและวิถีชีวิตของคนไทยมาอย่างยาวนานจนในปัจจุบันความเชื่อดังกล่าวก็ยังไม่ได้เสื่อมคลายลงไป แม้จะเกิดวิกฤติทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ก็ตาม แต่วงการพระเครื่องไม่ได้กระทบกระเทือนไปด้วย 

ปัจจัยดังกล่าวทำให้พระเครื่องเป็นที่เสาะแสวงหากันมากในหมู่คนแทบจะทุกอาชีพและทุกวัย สังเกตได้จาก มีการตีพิมพ์หนังสือนิตยสารพระเครื่องมากมายในเมืองไทย รายการโทรทัศน์เกี่ยวกับพระเครื่อง ศูนย์พระเครื่องและวัตถุมงคลตามห้างสรรพสินค้า หรือบนทางเท้าทางถนน หรือแม้แต่ในโลกอินเตอร์เน็ตเราก็เห็นว่ามีการให้เช่าบูชาพระเครื่องและวัตถุมงคลเยอะแยะเต็มไปหมด นี้เป็นสัญญาณให้เห็นว่าพระเครื่องเป็นสิ่งที่ฝั่งรากเหง้าอยู่ในจิตใจของชาวพุทธในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความเชื่อความศรัทธา และปัจจุบันอาจปฏิเสธไม่ได้ว่าพระเครื่องมีเรื่องของพุทธพาณิชย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย 

เพราะพระเครื่องบางองค์ ยกตัวอย่างเช่น พระสมเด็จวัดระฆัง กรุงเทพฯ มีการเช่าหาบูชากันองค์ละไม่ต่ำกว่า หลักสิบล้านบาท ขึ้นไป หรือแม้กระทั่งพระชุดอื่นๆ ได้แก่ พระชุดเบญจภาคี พระเหรียญยอดนิยม พระผงยอดนิยม พระเนื้อชิน พระบูชา เครื่องรางของขลังต่างๆต่างก็มีมูลค่ามีราคาและเป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่อง ซึ่งส่วนใหญ่นักนิยมสะสมพระเครื่องในปัจจุบันไม่ได้มีเฉพาะคนแก่สูงวัยแล้วนะครับ นักสะสมพระเครื่องโดยเฉพาะพระยอดนิยมของเมืองไทย เป็นนักธุรกิจชั้นนำ นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง แม้แต่สุภาพสตรี และเยาวชน ก็หันมาศึกษาและสะสมพระเครื่องกันทั้งนั้น นี้คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้พระเครื่องของไทยมีราคาแพงหูดับตับไหม้ เพราะฐานกำลังของคนระดับดังกล่าวสามารถเช่าบูชาได้อย่างสบายๆ ทำให้มาตรฐานราคาพระเครื่องยอดนิยมต่างๆ ก็ขยับสูงขึ้นและดันให้พระเครื่องในหมวดอื่นๆ ที่เป็นที่นิยมรองๆ ลงมาก็ขยับตามกลไกดังกล่าวด้วย เหตุปัจจัยดังกล่าวทำให้พระเครื่องมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นพระเครื่องจึงกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งไกลที่ทำให้คนที่มองเห็นโอกาสมองเห็นช่องทางธุรกิจมาจับเอากระแสของพระเครื่องมาเป็นธุรกิจอย่างเต็มตัว 

ช่วงระยะเวลาสิบปีลงมานี้ วงการพระเครื่องมีกระแสค่อนข้างดีมาก นักธุรกิจบางกลุ่ม นักการเมือง หลายๆ ท่าน มาเช่าหาเก็บพระเครื่องกันเป็นจำนวนมาก มองว่าพระเครื่องเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งที่น่าลงทุนเก็บไว้เก็งกำไรได้เป็นอย่างดี แม้กระทั้งเวลาชี้แจงทรัพย์สินในสภา นักการเมืองบางท่านยังแสดงทรัพย์สินเป็นพระเครื่องและวัตถุมงคลเลย ผมยกตัวอย่างให้ท่านผู้อ่านเห็นภาพตามอย่างง่ายๆ และเป็นความเป็นจริงมากที่สุด ย้อนไปสมัยก่อน ปี พ.ศ. 2517 เหรียญเจริญพร ของหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ระยอง เนื้อทองแดง มีการให้เช่าบูชากันที่ วัดระหารไร่ จังหวัดระยอง องค์ละ 20 บาท ใครจะคิดว่าปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2558 เป็นระยะเวลา 41 ปีผ่านมา มูลค่าเหรียญเจริญพรหลวงปู่ทิม แค่เนื้อทองแดงธรรมดาไม่รวมเนื้อ นวะ เงิน ทองคำ เนื้อทองแดงอย่างเหรียญเจริญพรบนมีมูลค่าสะสมบูชา ไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท ขึ้นไป นี้เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยายเลยครับ 

หรือแม้กระทั้งเหรียญรุ่นใหม่อย่าง เหรียญหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ปี พ.ศ. 2536 ที่เรียกว่า เหรียญเจริญพร เช่นกัน ก็มีมูลค่า หลักแสนบาท ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี้คือความมหัศจรรย์ของพระเครื่องเมืองไทย ที่ฝรั่งมักจะพูดเสมอว่า "ดินและผงของเมืองไทย...แพงที่สุดในโลก" 

เห็นไหมครับว่า การมีพระเครื่องและวัตถุมงคลดีๆไว้ครอบครองสักชิ้นนั้นยังสามารถ "เปลี่ยนชีวิต" ของคนเราได้อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยความเชื่อและศรัทธาที่มีต่อพระเครื่องเหล่านี้สามารถแปรเปลี่ยนความท้อแท้สิ้นหวังให้กลับกลายมาเป็นพลังใจในการดำเนินชีวิต เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ประกอบคุณงามความดี บางกรณีอาจสร้างปาฏิหารย์ในการปกป้องคุ้มครองชีวิตของผู้มีไว้ในครอบครอง รวมถึงหากถึงคราวเหมาะเคราะห์ดีอาจเปลี่ยนชีวิตของคนๆหนึ่งจากคนธรรมดาให้กลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืนเลยก็เป็นได้... 

หากท่านผู้อ่านเริ่มสนใจสิ่งที่เรียกว่า "พระเครื่อง" เข้าให้แล้ว ผมในฐานะผู้ศึกษาพระเครื่องคนหนึ่งนั้นยินดีเป็นอย่างยิ่งครับที่จะนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของตำนานพระเครื่องตั้งแต่ครั้นโบราณกาลถึงปัจจุบัน ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ให้ท่านผู้อ่านได้ติดตามกันในบทความ "เปิดตำนานพระเครื่องเปลี่ยนชีวิต"

---โปรดติดตามตอนต่อไป

ไชยเดช  ไฝทอง
8 มกราคม 2561

13 สิงหาคม 2560

"พระโคนสมอ กรุวังหน้า" ยอดพระคงกระพันแห่งเมืองบางกอก ตำนานที่คนโบราณต้องกล่าวถึง

 
พระโคนสมอ

พระโคนสมอ พิมพ์ห้อยพระบาท (ยอดนิยม)


พระโคนสมอ  เป็นพระเครื่องที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง กล่าวกันว่าเป็นพระสะเดาะเคราะห์ที่เจ้านายและเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงในสมัยอยุธยานิยมสร้างกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองจนถึงสมัยพระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์ มีทั้งเนื้อชินและเนื้อดิน ส่วนมากจะสร้างเป็นพิมพ์พระประจำวันต่างๆ แต่ก็จะมีพิมพ์พิเศษบ้างเช่น พิมพ์ซุ้มปราสาท พิมพ์ท้าวพญาชมภู เป็นต้น พุทธลักษณะของพระ เป็นพิมพ์ทรงที่สวยงาม อยู่ในซุ้มเรือนแก้ว มีความ คม ชัด เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เพราะเป็นงานของช่างหลวงที่สร้างถวายเชื้อพระวงศ์ พระโคนสมอจึงมีความงามเป็นแบบฉบับช่างหลวงสมัยอยุธยาตอนกลางถึงปลาย
 

(ซ้าย) วัดบวรสถานสุทธาวาส สถานที่ค้นพบพระกรุโคนสมอ - (ขวา) กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (วังหน้าสมัยรัชกาลที่ 1)


ต่อมาในช่วงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ พระโคนสมอได้มีการชะลอมาบรรจุจากกรุงศรีอยุธยาโดยนำพระมาบรรจุในเจดีย์หรือพระอุโบสถในวัดต่างๆ ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยบรรจุไว้ที่วัดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โดยเฉพาะบริเวณ พระราชวังหน้า (พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงเทพฯในปัจจุบัน) ก็ได้นำพระชุดนี้มาเก็บรักษาไว้บนเพดานพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส ซึ่งในอดีตเป็นวัดในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระราชวังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมามีการบูรณะเพดานวังหน้าจึงค้นพบดังกล่าวเป็นจำนวนมาก มากเสียจนไม่มีที่เก็บ เลยมีการนำมากองไว้ใต้โคนต้นสมรพิเภก พอคนเดินไปเดินมาเห็นพระกองอยู่ก็เลยเก็บกลับบ้าน เพราะเห็นว่าสวยดี เก็บกันคนละองค์สององค์ จนคนที่พบเห็นดังกล่าวต่างก็เรียกพระดังกล่าวว่า "พระโคนสมอ" มาตั้งแต่บัดนั้น
 

ต้นสมอพิเภก ที่มาของชื่อ พระโคนสมอ


พระโคนสมอเท่าที่ค้นพบจะมีอยู่สองเนื้อคือ เนื้อดิน และเนื้อชินเงิน สำหรับพระโคนสมอเนื้อชินเงิน แต่เดิมเป็นพระผิวปรอท แต่ภายหลังเมื่อได้บรรจุกรุแล้ว องค์พระที่แตกกรุออกมาส่วนใหญ่ จะปรากฎสนิมกัดกินผิวผุกร่อน จนถึงเนื้อในหลุดร่อน เรียกสนิมชนิดนี้ว่า "สนิมเกล็ดกระดี่" เพราะมีลักษณะการหลุดร่อนคล้ายเกล็ดปลากระดี่นั้นเอง จนนักเลงพระรุ่นเก่าต้องเอาน้ำมันจันทน์มาชโลมเลี้ยงไว้ไม่อย่างนั้นพระจะเกิดการเสียหายเป็นอย่างมาก
กรุวังหน้า

พระโคนสมอ พิมพ์ห้อยพระบาท


พระโคนสมอ มีการค้นพบ และขึ้นตามกรุต่างๆตามวัดทั่วไป ทั้งที่พบในกรุ เจดีย์ ตามเพดานพระอุโบสถแต่ที่พบมากที่สุดก็ที่ กรุวังหน้า วัดโพธิ์ท่าเตียน วัดพระแก้ว และนอกจากนี้ยังมีขึ้นที่วัดอื่นๆอีก เช่น ในปี พ.ศ.2506 ที่วัดเชิงท่า จ.นนทบุรี ในปี พ.ศ.2510 ที่วัดสระเกศ ก็มีการค้นพบในเจดีย์เหมือนกัน และยังค้นพบพระโคนสมอขนาดเล็ก เนื้อดินที่ในกรุของวัดประยุรวงศาวาส แต่น่าจะเป็นพระโคนสมอที่สร้างขึ้นในยุครัตนโกสินทร์เพราะศิลปะไม่เหมือนกับสมัยอยุธยาเป็นต้น
 

พระโคนสมอ พิมพ์ปางสมาธิ


พระโคนสมอ นับว่าเป็นพระที่โดดเด่นและทรงคุณค่ามาก เป็นพระเครื่องที่มีความเชื่อกันว่ามีพุทธคุณโดดเด่นในด้าน คงกระพันชาตรี และนิรันตรายเป็นเยี่ยม เคยมีผู้รู้ได้บอกเล่าให้ฟังว่า ในสมัยโบราณนั้น นักรบไทยจะเอาพระโคนสมอให้ม้าศึกและช้างศึกคล้องคอไว้ เมื่อออกศึกคราใด ก็จะแคล้วคลาดจาก คมหอกคมดาบของศัตรู และยังมีเรื่องเล่าโบราณที่เป็นตำนานอีกว่า สมัยที่ "เสด็จเตี่ย" กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงกลับมาจากการศึกษาวิชาทหารเรือที่ประเทศอังกฤษใหม่ๆ พระองค์ทรงสนพระทัยว่าพระเครื่องและเครื่องรางของไทยศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ พระองค์เลยให้ทหารนำพระเครื่องที่คิดว่าดีที่สุดมาลองยิงด้วยปืนไฟที่ทันสมัยในยุคนั้นซึ่งปรากฏว่ามีทหารมหาดเล็กคนหนึ่งนำพระมาทดลองยิงต่อหน้าพระพักตร์ปรากฏว่าปืนยิงไม่ออกหลายนัด พระองค์จึงถามมหาดเล็กว่าพระที่ยิงไม่ออกคือพระที่มีชื่อว่าอะไรทหารมหาดเล็กจึงกราบทูลไปว่าพระองค์ดังกว่ามีชื่อว่า พระวังหน้าพระเจ้าข้า พระวังหนัาที่ทหารมหาดเล็กกล่าวถึงนั้นก็คือพระโคนสมอนั้นเอง และต่อมาในยุคสมัยสงครามอินโดจีน นักรบไทย นอกจากจะเป็นทหารหาญ ที่มีจิตใจเข้มแข็ง  และมีฝีมือแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่ทหารไทยจะขาดไปไม่ได้สิ่งๆนั้นทำให้ทหารเวียดนาม และอเมริกัน ยังต้องยอมรับและเกรงกลัวทหารไทย เพราะกำลังของข้าศึกที่มีมากถึง 10 ต่อ 1 ยังทำอะไรทหารไทยไม่ได้ เป็นเพราะว่าทหารไทยเหล่านั้นพกพระโคนสมอติดตัวกันทุกคน 
 
โคนสมอ

พระโคนสมอ พิมพ์ซุ้มปราสาท


ปัจจุบันบ้านเมืองมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ถึงแม้ไม่มีสงครามแล้วแต่ภาวะบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยความรุนแรงเพราะอารมณ์ของคนทีี่ใจร้อนขึ้นก่อให้เกิดอาชญากรรม เรื่องของความเชื่อในพุทธคุณพระที่ฝั่งแน่นในจิตใจของคนไทยที่ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ต่างหวังใจว่าพระเครื่องจะช่วยบรรเทาจิตใจได้ไม่มากก็น้อยในสภาพสังคมไทยในยุคปัจจุบัน และพระโคนสมอก็ยังเป็นพระที่อยู่ในกระแสที่ผู้ที่ต้องการเสาะแสวงหาของดีๆ มีพุทธคุณที่พิสูจน์ได้ จะได้นำมาใช้คุ้มกาย ส่วนสนนราคาก็ว่ากันไปตามสภาพ ว่าสวยคมขนาดไหน เป็นพิมพ์นิยมหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ในปัจจุบันไม่ค่อยพบตามสนามพระแล้ว โดยเฉพาะพิมพ์ที่อลังการ สวยๆ คมๆ เนื่องจากมีผู้ที่มีอันจะกิน คอยเก็บสะสมเข้ารัง และบูชากันตามบ้าน โดยเฉพาะบ้านเศรษฐีต่างนำพระโคนสมอพิมพ์สวยๆไปใส่ซุ้มกันสวยงาม เห็นแล้วก็สวยคลาสสิกไปอีกแบบ เลยทำให้เดี๋ยวนี้พระโคนสมอค่อนข้างจะหายากขึ้น แถมราคาก็สูงขึ้นมากตามลำดับความต้องการ หากใครคิดจะเก็บหรือสะสมพระโคนสมอตอนนี้ก็ต้องรีบหน่อย และอย่าประมาทว่าไม่มีของทำเลียนแบบนะครับมีเหมือนกันและเป็นพระที่ฝีมือซะด้วย แต่ก็พอจะพิจารณาได้ไม่ยากนักเพราะของเก๊ เนื้อพระมักจะเป็นดินหม้อใหม่ครับ เนื้อไม่แห้งเก่า หรือถ้ามีรักทองทองก็ต้องดูความเก่าเป็นหลักด้วย และถ้าหากจะสะสมกันทั้งทีก็จะต้องหาผู้รู้ผู้ชำนาญมาเป็นกุนซือให้ก็จะดีเพราะเดี๋ยวนี้พระปลอมมีมากเหลือเกินถ้ามีผู้รู้ที่น่าเชื่อถือได้มาช่วยดูให้ก่อนจะเช่าหา ก็จะดีไม่น้อยในยุคแบบนี้ ด้วยความปรารถนาดีครับ ของให้ทุกคนที่ได้อ่านบทความนี้โชคดีได้พระโคนสมอแท้ๆ มาคุ้มครองทุกคนนะครับ

ไชยเดช  ไฝทอง
13 สิงหาคม 2560

 -----------------------------
ขอขอบคุณภาพประกอบ
ภาพวัดบวรสถานสุทธาวาส : reurnthai.com
ภาพกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท : wikipedia.org
ภาพต้นสมอพิเภก : watsrakhla11.blogspot.com

24 พฤษภาคม 2560

เหรียญที่ได้รับการยกย่องในเรื่องเมตตามหานิยม อันดับ 1 แห่งแผ่นดิน "เหรียญเมตตาหลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่"

เหรียญเมตตาหลวงปู่สิม
เหรียญเมตตาหลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง เนื้อนวโลหะ ปี ๒๕๑๗
พระญาณสิทธาจารย์ หรือ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ท่านมีนามเดิมว่า สิม วงศ์เข็มมา เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๕๒ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีระกา เวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น. ที่บ้านบัว ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ครั้นเมื่อท่านอายุ ๑๗ ปี ได้ขอบิดามารดาบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศรีรัตนาราม โดยมี พระอาจารย์สีทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ 

ต่อมาคณะกองทัพธรรมของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้เดินธุดงค์มาจากจังหวัดหนองคาย เพื่อมาเผยแพร่ธรรมปฏิบัติแก่ประชาชน โดยเดินทางมาถึงวัดศรีสงคราม ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม สามเณรสิม จึงได้มีโอกาสเดินทางไปฟังธรรม ทั้งจากพระอาจารย์ใหญ่ คือ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และ ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล สามเณรสิมได้เฝ้าสังเกต ข้อวัตรปฏิบัติของท่านพระอาจาย์มั่น ท่านพระอาจารย์สิงห์ และพระอาจารย์ มหาปิ่น และได้บังเกิดความเลื่อมใสอย่างมาก จึงตัดสินใจขอถวายตัวเป็นศิษย์ พระอาจารย์มั่น
  
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่

หลวงปู่สิม ได้รับสมณศักดิ์ "พระครูสันติวรญาณ" ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๒ และได้รับพัดยศโดยเลื่อนจากสมณศักดิ์ที่ "พระครูสันติวรญาณ" เป็น "พระญาณสิทธาจารย์" ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๓๕ และในคืนวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๓๕ หลวงปู่ท่านได้มรณภาพในเวลาประมาณ ตีสาม สิริรวมอายุของหลวงปู่ ๘๒ ปี ๙ เดือน ๑๙ วัน อายุพรรษา ๖๓ พรรษา

บรรยากาศวัดถ้ำผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อสามเณรสินอายุครบบวช ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดศรีจันทราวาส ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ โดยมีเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์ (จันทร์ เขมิโย เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดดวงจันทร์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "พุทฺธาจาโร" 

สำหรับ เหรียญรุ่นเมตตานี้ มี การสร้างทั้งหมด ๔ เนื้อ คือ ทองคำ เนื้อเงิน นวโลหะ และ ทองแดง เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญยอดนิยมของหลวงปู่ เพราะออกแบบรูปหลวงปู่ครึ่งองค์ได้คล้ายคลึงกับหลวงปู่เป็นอย่างมาก ซึ่งที่มาของ เหรียญรุ่นเมตตาหลวงปู่สิม เกิดจาก คุณธงชัย อุดมความสุข ซึ่งได้ชวนเพื่อนขึ้นไปกราบนมัสการท่านหลวงปู่สิม บนถ้ำผาปล่อง เมื่อวันที่ ๑ กันยายน พศ. ๒๕๑๗ โดยได้ตั้งเจตนาและอธิฐานจิตไว้แล้วว่าจะขออนุญาตท่านจัดสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่าน เพื่อนำปัจจัยที่ได้ไปซื้อยารักษาโรคให้แก่ภิกษุสงฆ์ที่อาพาธอยู่ที่โรงพยาบาลสงฆ์ เชียงใหม่และผู้ป่วยโรคปอด ในโรงพยาบาลโรคปอดเชียงใหม่ ส่วนที่เหลือก็นำถวายให้ทางสำนักสงฆ์วัดถ้ำผาปล่องไว้ก่อสร้างวัตถุในวัดด้วย 

บรรยากาศวัดถ้ำผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่

คุณธงชัย ได้คุยปรึกษากับ พระมหาทองอินทร์ กุสลจิตโต เจ้าอาวาสวัดสันติธรรม ท่านพระมหาทองอินทร์ ได้พูดว่า"อาตมาเคยขอท่านหลายครั้งแล้ว ท่านก็บอกให้รอๆไปก่อนยังไม่ถึงเวลา ขอหลายครั้งเลยไม่กล้าขออีก มีหลายคนแล้วที่มาขอท่านสร้างเหรียญของท่านแต่ก็ไม่เห็นมีใครได้เลย” คุณธงชัย ได้ขึ้นไปนมัสการหลวงพ่อสิม และได้ขอความเมตตาจากหลวงพ่อพร้อมทั้งแจ้งจุดประสงค์และเจตนา ในการสร้างครั้งนี้ หลวงพ่อท่านรับรู้ได้ว่ามีความตั้งใจจะทำจริงๆ ท่านก็ได้อนุญาตให้จัดสร้างและบอกว่า "เหรียญใส่ชื่อว่าเหรียญเมตตานะ" ทำให้คุณธงชัยปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้คาดคิดว่าหลวงพ่อจะเมตตาให้อย่างง่ายดาย เพราะเท่าที่ทราบมามีคณะจากกรุงเทพขออนุญาตหลวงพ่อจัดสร้างหลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นมีคณะไหนได้รับอนุญาตเลย มีอยู่ช่วงหนึ่งหลวงพ่อได้กล่าวกับคุณ ธงชัย ว่า "ธงชัยกับหลวงพ่อเคยสร้างบุญร่วมกันมาแต่ชาติก่อน แล้วชาตินี้ได้มาพบกันอีก มาร่วมทำบุญกัน ขอทำให้ดีทำใจให้มีธรรมมะ ทำแล้วให้ถึงตัวบุญตัวกุศลจริงๆ” 

หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร กับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙

การดำเนินการสร้างครั้งนี้ คุณธงชัย มีความตั้งใจอย่างมากให้ได้ตรงตามเจตนา ยังได้รับความเมตตาช่วยเหลือจาก ท่านพระครูใบฎีกาณรงค์ชัย รักขิตสีโล เจ้าอาวาสวัดป่าทรงคุณ จังหวัดปราจีนบุรี รับเป็นธุระเรื่องแผ่นยันต์ลงจาร จากพระอาจารย์สายกรรมฐานอีกหลายๆรูป และแผ่นทอง แผ่นเงิน แผ่นนาค จากหลวงปู่สิม พุทธาจาโร นำมาหล่อหลอมกับพระชุดเมตตานี้ โดยรายละเอียดจำนวนการสร้างมีดังนี้
     ๑. เหรียญเมตตาเนื้อทองคำ ๖๗ เหรียญ 
     ๒. เนื้อเงิน ๙๙๙ เหรียญ 
     ๓. เนื้อนวโลหะ ๑,๑๑๑ เหรียญ 
     ๔. เนื้อทองแดง ๗,๗๗๗ เหรียญ 

ทั้งนี้ได้มีนำพระบางส่วนจัดเข้าชุดกรรมการจำนวน ๒๒๗ ชุด ชุดหนึ่งมี ๖ องค์ประกอบด้วย 
     ๑. พระฉีดซุ้มกอรูปเหมือน ตอกโค๊ด"ธา"
     ๒. เหรียญเมตตาเนื้อเงิน ตอกโค๊ด"นะ"
     ๓. เหรียญเมตตาเนื้อนวโลหะ "ธา"
     ๔. เหรียญเมตตาเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ตอกโค๊ด"ธา"
     ๕. เหรียญเมตตาเนื้อทองแดงผิวไฟตอกโค๊ด"ยะ"
     ๖. พระปิดตาเนื้อผงคลุกรักปิดทอง

ทีนี้สำหรับ การพิจารณา เหรียญเมตตาหลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง เหรียญแท้ นั้น มีหลักในการพิจารณาดังต่อไปนี้ครับ
 
๑. เหรียญแท้ จะต้องมีความคมชัด สวยงาม ผิวแห้งตึง 

เหรียญเมตตา

๒. มีเส้นขนแมว โค้งเล็กๆ คมชัด ปรากฏใต้ตัวหนังสือเมตตา 


๓. ลักษณะตัวตัดเหรียญแท้ มีลักษณะดังภาพที่ปรากฏ

ด้านพุทธคุณของเหรียญเมตตาหลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง กล่าวกันว่า มีความโดดเด่นทางด้านเมตตามหานิยมมากสมชื่อ ที่สำคัญยังมีพุทธคุณในด้านแคล้วคลาด ป้องกันภัยอีกด้วย

ไชยเดช  ไฝทอง
๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐



ขอขอบคุณภาพประกอบ
ภาพหลวงปู่สิม : youtube.com/อารมณ์ดี สุขสงบ
ภาพวัดถ้ำผาปล่อง : palungjit.org, bloggang.com/ดอยวาวี
ภาพหลวงปู่สิมและในหลวงรัชกาลที่ ๙ : dhammajak.net