13 สิงหาคม 2560

"พระโคนสมอ กรุวังหน้า" ยอดพระคงกระพันแห่งเมืองบางกอก ตำนานที่คนโบราณต้องกล่าวถึง

 
พระโคนสมอ

พระโคนสมอ พิมพ์ห้อยพระบาท (ยอดนิยม)


พระโคนสมอ  เป็นพระเครื่องที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง กล่าวกันว่าเป็นพระสะเดาะเคราะห์ที่เจ้านายและเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงในสมัยอยุธยานิยมสร้างกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองจนถึงสมัยพระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์ มีทั้งเนื้อชินและเนื้อดิน ส่วนมากจะสร้างเป็นพิมพ์พระประจำวันต่างๆ แต่ก็จะมีพิมพ์พิเศษบ้างเช่น พิมพ์ซุ้มปราสาท พิมพ์ท้าวพญาชมภู เป็นต้น พุทธลักษณะของพระ เป็นพิมพ์ทรงที่สวยงาม อยู่ในซุ้มเรือนแก้ว มีความ คม ชัด เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เพราะเป็นงานของช่างหลวงที่สร้างถวายเชื้อพระวงศ์ พระโคนสมอจึงมีความงามเป็นแบบฉบับช่างหลวงสมัยอยุธยาตอนกลางถึงปลาย
 

(ซ้าย) วัดบวรสถานสุทธาวาส สถานที่ค้นพบพระกรุโคนสมอ - (ขวา) กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (วังหน้าสมัยรัชกาลที่ 1)


ต่อมาในช่วงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ พระโคนสมอได้มีการชะลอมาบรรจุจากกรุงศรีอยุธยาโดยนำพระมาบรรจุในเจดีย์หรือพระอุโบสถในวัดต่างๆ ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยบรรจุไว้ที่วัดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โดยเฉพาะบริเวณ พระราชวังหน้า (พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงเทพฯในปัจจุบัน) ก็ได้นำพระชุดนี้มาเก็บรักษาไว้บนเพดานพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส ซึ่งในอดีตเป็นวัดในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระราชวังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมามีการบูรณะเพดานวังหน้าจึงค้นพบดังกล่าวเป็นจำนวนมาก มากเสียจนไม่มีที่เก็บ เลยมีการนำมากองไว้ใต้โคนต้นสมรพิเภก พอคนเดินไปเดินมาเห็นพระกองอยู่ก็เลยเก็บกลับบ้าน เพราะเห็นว่าสวยดี เก็บกันคนละองค์สององค์ จนคนที่พบเห็นดังกล่าวต่างก็เรียกพระดังกล่าวว่า "พระโคนสมอ" มาตั้งแต่บัดนั้น
 

ต้นสมอพิเภก ที่มาของชื่อ พระโคนสมอ


พระโคนสมอเท่าที่ค้นพบจะมีอยู่สองเนื้อคือ เนื้อดิน และเนื้อชินเงิน สำหรับพระโคนสมอเนื้อชินเงิน แต่เดิมเป็นพระผิวปรอท แต่ภายหลังเมื่อได้บรรจุกรุแล้ว องค์พระที่แตกกรุออกมาส่วนใหญ่ จะปรากฎสนิมกัดกินผิวผุกร่อน จนถึงเนื้อในหลุดร่อน เรียกสนิมชนิดนี้ว่า "สนิมเกล็ดกระดี่" เพราะมีลักษณะการหลุดร่อนคล้ายเกล็ดปลากระดี่นั้นเอง จนนักเลงพระรุ่นเก่าต้องเอาน้ำมันจันทน์มาชโลมเลี้ยงไว้ไม่อย่างนั้นพระจะเกิดการเสียหายเป็นอย่างมาก
กรุวังหน้า

พระโคนสมอ พิมพ์ห้อยพระบาท


พระโคนสมอ มีการค้นพบ และขึ้นตามกรุต่างๆตามวัดทั่วไป ทั้งที่พบในกรุ เจดีย์ ตามเพดานพระอุโบสถแต่ที่พบมากที่สุดก็ที่ กรุวังหน้า วัดโพธิ์ท่าเตียน วัดพระแก้ว และนอกจากนี้ยังมีขึ้นที่วัดอื่นๆอีก เช่น ในปี พ.ศ.2506 ที่วัดเชิงท่า จ.นนทบุรี ในปี พ.ศ.2510 ที่วัดสระเกศ ก็มีการค้นพบในเจดีย์เหมือนกัน และยังค้นพบพระโคนสมอขนาดเล็ก เนื้อดินที่ในกรุของวัดประยุรวงศาวาส แต่น่าจะเป็นพระโคนสมอที่สร้างขึ้นในยุครัตนโกสินทร์เพราะศิลปะไม่เหมือนกับสมัยอยุธยาเป็นต้น
 

พระโคนสมอ พิมพ์ปางสมาธิ


พระโคนสมอ นับว่าเป็นพระที่โดดเด่นและทรงคุณค่ามาก เป็นพระเครื่องที่มีความเชื่อกันว่ามีพุทธคุณโดดเด่นในด้าน คงกระพันชาตรี และนิรันตรายเป็นเยี่ยม เคยมีผู้รู้ได้บอกเล่าให้ฟังว่า ในสมัยโบราณนั้น นักรบไทยจะเอาพระโคนสมอให้ม้าศึกและช้างศึกคล้องคอไว้ เมื่อออกศึกคราใด ก็จะแคล้วคลาดจาก คมหอกคมดาบของศัตรู และยังมีเรื่องเล่าโบราณที่เป็นตำนานอีกว่า สมัยที่ "เสด็จเตี่ย" กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงกลับมาจากการศึกษาวิชาทหารเรือที่ประเทศอังกฤษใหม่ๆ พระองค์ทรงสนพระทัยว่าพระเครื่องและเครื่องรางของไทยศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ พระองค์เลยให้ทหารนำพระเครื่องที่คิดว่าดีที่สุดมาลองยิงด้วยปืนไฟที่ทันสมัยในยุคนั้นซึ่งปรากฏว่ามีทหารมหาดเล็กคนหนึ่งนำพระมาทดลองยิงต่อหน้าพระพักตร์ปรากฏว่าปืนยิงไม่ออกหลายนัด พระองค์จึงถามมหาดเล็กว่าพระที่ยิงไม่ออกคือพระที่มีชื่อว่าอะไรทหารมหาดเล็กจึงกราบทูลไปว่าพระองค์ดังกว่ามีชื่อว่า พระวังหน้าพระเจ้าข้า พระวังหนัาที่ทหารมหาดเล็กกล่าวถึงนั้นก็คือพระโคนสมอนั้นเอง และต่อมาในยุคสมัยสงครามอินโดจีน นักรบไทย นอกจากจะเป็นทหารหาญ ที่มีจิตใจเข้มแข็ง  และมีฝีมือแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่ทหารไทยจะขาดไปไม่ได้สิ่งๆนั้นทำให้ทหารเวียดนาม และอเมริกัน ยังต้องยอมรับและเกรงกลัวทหารไทย เพราะกำลังของข้าศึกที่มีมากถึง 10 ต่อ 1 ยังทำอะไรทหารไทยไม่ได้ เป็นเพราะว่าทหารไทยเหล่านั้นพกพระโคนสมอติดตัวกันทุกคน 
 
โคนสมอ

พระโคนสมอ พิมพ์ซุ้มปราสาท


ปัจจุบันบ้านเมืองมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ถึงแม้ไม่มีสงครามแล้วแต่ภาวะบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยความรุนแรงเพราะอารมณ์ของคนทีี่ใจร้อนขึ้นก่อให้เกิดอาชญากรรม เรื่องของความเชื่อในพุทธคุณพระที่ฝั่งแน่นในจิตใจของคนไทยที่ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ต่างหวังใจว่าพระเครื่องจะช่วยบรรเทาจิตใจได้ไม่มากก็น้อยในสภาพสังคมไทยในยุคปัจจุบัน และพระโคนสมอก็ยังเป็นพระที่อยู่ในกระแสที่ผู้ที่ต้องการเสาะแสวงหาของดีๆ มีพุทธคุณที่พิสูจน์ได้ จะได้นำมาใช้คุ้มกาย ส่วนสนนราคาก็ว่ากันไปตามสภาพ ว่าสวยคมขนาดไหน เป็นพิมพ์นิยมหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ในปัจจุบันไม่ค่อยพบตามสนามพระแล้ว โดยเฉพาะพิมพ์ที่อลังการ สวยๆ คมๆ เนื่องจากมีผู้ที่มีอันจะกิน คอยเก็บสะสมเข้ารัง และบูชากันตามบ้าน โดยเฉพาะบ้านเศรษฐีต่างนำพระโคนสมอพิมพ์สวยๆไปใส่ซุ้มกันสวยงาม เห็นแล้วก็สวยคลาสสิกไปอีกแบบ เลยทำให้เดี๋ยวนี้พระโคนสมอค่อนข้างจะหายากขึ้น แถมราคาก็สูงขึ้นมากตามลำดับความต้องการ หากใครคิดจะเก็บหรือสะสมพระโคนสมอตอนนี้ก็ต้องรีบหน่อย และอย่าประมาทว่าไม่มีของทำเลียนแบบนะครับมีเหมือนกันและเป็นพระที่ฝีมือซะด้วย แต่ก็พอจะพิจารณาได้ไม่ยากนักเพราะของเก๊ เนื้อพระมักจะเป็นดินหม้อใหม่ครับ เนื้อไม่แห้งเก่า หรือถ้ามีรักทองทองก็ต้องดูความเก่าเป็นหลักด้วย และถ้าหากจะสะสมกันทั้งทีก็จะต้องหาผู้รู้ผู้ชำนาญมาเป็นกุนซือให้ก็จะดีเพราะเดี๋ยวนี้พระปลอมมีมากเหลือเกินถ้ามีผู้รู้ที่น่าเชื่อถือได้มาช่วยดูให้ก่อนจะเช่าหา ก็จะดีไม่น้อยในยุคแบบนี้ ด้วยความปรารถนาดีครับ ของให้ทุกคนที่ได้อ่านบทความนี้โชคดีได้พระโคนสมอแท้ๆ มาคุ้มครองทุกคนนะครับ

ไชยเดช  ไฝทอง
13 สิงหาคม 2560

 -----------------------------
ขอขอบคุณภาพประกอบ
ภาพวัดบวรสถานสุทธาวาส : reurnthai.com
ภาพกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท : wikipedia.org
ภาพต้นสมอพิเภก : watsrakhla11.blogspot.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น